ต้นฉบับ Red Flag Australia

ภาพ Razieh Gholami

ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า Kroscienko ในประเทศโปแลนด์ซึ่งอยู่ติดยูเครน รถยนต์หลายร้อยคันเรียงรายเข้ามาในถนนอย่างไม่ขาดสาย คนธรรมดาสามัญชาวโปแลนด์กำลังรอต้อนรับผู้ลี้ภัย กองของบริจาคจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ เสื้อผ้า และของเล่นเด็ก อยู่ภายใต้การดูแลของอาสาสมัคร ประชาชนหลายแสนคนทั่วประเทศได้เปิดบ้านอ้าแขนต้อนรับผู้ลี้ภัยจากการรุกรานสังหารหมู่ที่กระทำโดยรัสเซีย

เหตุการณ์เหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดชายแดนโปแลนด์-ยูเครนและในประเทศยุโรปอื่น ๆ ที่มีพรมแดนติดกับยูเครนนั้น เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ บรรดาผู้นำทางการเมืองทั่วโลก รวมไปถึงพื้นที่ที่แม้จะอยู่ห่างไกลอย่างออสเตรเลีย สนับสนุนการกระทำอันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันดังกล่าว และให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแก่ชาวยูเครนในประเทศของตน มีการส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในสื่อตะวันตกอย่างไร้ข้อกังขาอย่างที่ควรจะเป็น นี่คือสิ่งที่ผู้ลี้ภัยจากทุกความขัดแย้งและทุกวิกฤติควรจะได้รับ

อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองสิ่งเหล่านี้โดยไม่ฉุกคิดถึงความต่างสุดขั้วระหว่างการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยที่มาจากยูเครนกับผู้ลี้ภัยที่มาจากซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน และที่อื่น ๆ

เราจะทำความเข้าใจและอธิบายความสองมาตรฐานนี้ได้อย่างไร? การเหยียดเชื้อชาติอย่างโจ่งแจ้งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน มันปรากฏให้เห็นโต้ง ๆ อยู่หน้าสื่อ ในข่าวบีบีซี (BBC News) นักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่ารู้สึกสะเทือนใจเพราะ “ฉันเห็นคนยุโรปที่มีตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์ถูกฆ่า” ในข่าวซีบีเอส (CBS News) เมืองหลวงของยูเครนถูกกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่ “ค่อนข้างมีอารยธรรม” เมื่อเทียบกับเมืองในอิรักและอัฟกานิสถาน และตามที่นักข่าวเอ็นบีซี (NBC News) กล่าวไว้ว่า “พวกเขาไม่ใช่ผู้ลี้ภัยจากซีเรีย พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยจากยูเครน … พวกเขาเป็นคริสเตียน พวกเขาเป็นคนผิวขาว พวกเขาคล้าย [กับเรา] มาก”

บุคคลสำคัญทางการเมืองก็เลือกปฏิบัติไม่แพ้กัน วิคเตอร์ ออร์บัน (Viktor Orbán) นายกรัฐมนตรีฮังการีผู้ขึ้นสู่อำนาจจากการรณรงค์ต่อต้านผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางและแอฟริกา ได้ปกป้องนโยบายใหม่ของเขาเรื่องการเปิดพรมแดนให้กับชาวยูเครนโดยประกาศว่า “ผู้อพยพจะหยุดลง ผู้ลี้ภัยจะได้การช่วยเหลือทั้งหมด” ในเดนมาร์ก มีกฎหมายที่บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองต้องริบของมีค่าจากผู้ลี้ภัยที่เข้ามาในประเทศ กฎหมายที่น่าสะอิดสะเอียนนี้ ซึ่งบัญญัติขึ้นในขณะที่ผู้คนลี้ภัยสงครามกลางเมืองในซีเรียขอลี้ภัยภายในประเทศ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกสงวนไว้ให้ผู้ลี้ภัยจากยูเครน

ความสองมาตรฐานเช่นนี้เป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างชัดเจน แต่การจะอธิบายแถลงการณ์และนโยบายที่แบ่งแยกเชื้อชาติเหล่านี้วางอยู่ในกรอบภูมิรัฐศาสตร์เรื่องลัทธิจักรวรรดินิยมซึ่งลึกลงไปอีก ผู้คนจากตะวันออกกลางและแอฟริกาถูกมองว่า “เป็นอื่น” เป็นสิ่งที่เข้ามาคุกคามและไม่สามารถไว้วางใจให้ใช้ชีวิตในยุโรป ออสเตรเลีย หรืออเมริกาได้อย่างสงบ นี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ความชอบธรรมแก่สหรัฐอเมริกาและมหาอำนาจจักรวรรดิอื่น ๆ ในการก่อความวุ่นวายไปทั่วภูมิภาคดังกล่าวโดยไม่ต้องรับโทษอะไรเลย และไม่สนใจใยดีว่าจะมีผู้ลี้ภัยหลายล้านคนที่ต้องพลัดถิ่นเพราะสงครามและความยากจนอันเป็นสิ่งที่ตะวันตกต้องรับผิดชอบ

ในทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนต้องจมน้ำตายตอนพยายามข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังยุโรป แทนที่จะเปิดประตูให้เพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้ รัฐบาลกลับทำให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยกลางทางเหล่านี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเปิดค่ายผู้ลี้ภัยด้วยวิธีการที่จำลองมาจากระบอบการปกครองชายแดนอันป่าเถื่อนของออสเตรเลีย

ไม่ได้มีเพียงแค่ชาวยูเครนเท่านั้นที่ถูกเลือกปฏิบัติ มีตัวอย่างอีกมากมายของการที่มหาอำนาจตะวันตกเปิดรับผู้ลี้ภัยผู้ถูกมองว่าเป็นเหยื่ออาชญากรรมของประเทศต่าง ๆ เช่น รัสเซีย ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของตะวันตก กรณีตัวอย่างก็เช่น หนึ่งในการปฏิรูปการย้ายถิ่นฐานที่ประกาศใช้ครั้งแรกโดยฝ่ายบริหารของไบเดน มีเป้าหมายเพื่อจัดสรรความช่วยเหลือแก่ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 300,000 คนที่อาศัยยู่ในสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะเดียวกัน ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนจากประเทศอื่น ๆ ในอเมริกาใต้และอเมริกากลางกลับถูกกักตัวที่ชายแดน

มีการใช้สองมาตรฐานในออสเตรเลียเช่นกัน นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน (Scott Morrison) ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเพิ่มวีซ่าด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครน และแดเนียล แอนดรูว์ (Daniel Andrew) มุขมนตรีแห่งรัฐวิคตอเรียได้ให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลกลางในเรื่องนโยบายดังกล่าว แต่จุดยืนต้อนรับนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงผู้ลี้ภัยที่รัฐบาลยังคงกักขังไว้ในค่ายกักกันนอกชายฝั่งเช่นนาอูรู (Nauru) หรือในสถานกักกันชั่วคราวเช่น พาร์ค โฮเท็ล (Park Hotel) ในเมลเบิร์น ถ้ามอร์ริสันและแอนดรูว์เป็นห่วงชะตากรรมของผู้ลี้ภัยจริง ๆ ป่านนี้เขาทั้งสองคงจะปลดปล่อยและให้คนเหล่านี้ตั้งรกรากในชุมชนแล้ว

ผลประโยชน์ของจักรวรรดิออสเตรเลียเป็นปัจจัยหลักในการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยอย่างป่าเถื่อนที่หลบหนีความรุนแรงและการปราบปรามของพันธมิตรออสเตรเลียเอง ออสเตรเลียเปิดทางให้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวทมิฬในศรีลังกาและแก้ต่างให้กับการกระทำดังกล่าว ในขณะที่ชาวทมิฬหนีการกดขี่ข่มเหงทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังสงครามกลางเมืองอันเหี้ยมโหด รัฐบาลออสเตรเลีย นอกจากจะยังคงจัดหายุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ทางการตำรวจให้แก่กับรัฐบาลศรีลังกา ยังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลี้ภัยชาวทมิฬเข้ามาภายในประเทศ เมื่อชาวทมิฬมาถึง หลายคนต้องถูกกักขังและถึงขั้นถูกส่งกลับไปเผชิญอันตรายที่ประเทศตัวเอง

ในฐานะนักสังคมนิยม เราปฏิเสธความคิดที่ว่า สถานะของใครก็ตามในฐานะมนุษย์ผู้สมควรได้รับการสนับสนุนจากเราต้องขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสามารถถูกใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายของจักรวรรดิได้หรือเปล่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการสนับสนุนที่ชาวยูเครนผู้หลบหนีการรุกรานของรัสเซียได้รับนั้น ควรขยับขยายให้ครอบคลุมผู้ลี้ภัยทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย หรือไม่ว่าที่ใดก็ตาม