เรื่อง Gabriel Ernst & Pathompong Kwangtong
บรรณาธิการ Sarutanon Prabute
หลายคนคงประทับใจโรจาวา จากที่ได้อ่านในบทความของเราหรือได้ดูจากคลิปวีดีโอของพูดไปแล้ว ครั้งนี้ทาง #Dindeng จึงพาเราเข้าใกล้แดนดินถิ่นนั้นมากขึ้นไปอีก ด้วยการสัมภาษณ์สายตรงไปถึงอาสาสมัครที่ตั้งใจจะอยู่ที่นั่นตลอดชีวิต (เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่าปีนึงแล้ว) เราได้จัดตั้งการประชุมสายจากมหาอาณาจักรล้านนาและเมืองเล็กๆ ในยุโรป ไปถึงใจกลางสหพันธ์ประชาธิปไตยโรจาวา ภายใต้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ฝากฝั่งหนึ่งต้องเสียเงิน กับอีกที่หนึ่งใช้การได้ฟรี การถอดความครั้งนี้เราจะเล่าเรื่องโดยใช้เสียงเล่าของเราเป็นหลัก และประเด็นการพูดคุยก็ได้มาจากที่ผู้อ่านแนะนำเรามา หากอ่านจบแล้วยังไม่จุใจ ทุกท่านสามารถฝากคำถามเพิ่มเติมได้ ผ่านทางคอมเมนต์หรือช่องทางเพจ Facebook หรือ Twitter ของเรา ถ้าเรามีโอกาสได้สัมภาษณ์อีก เราจะช่วยไขความกระจ่างให้ท่านแน่นอน
ปัญหาสำคัญในปัจจุบันของโรจาวา คืออะไร และพวกเขามีวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไรบ้าง?
ปัญหาใหญ่ภายนอกคือ รัฐบาลตุรกีและซีเรียขัดขวางและสกัดกั้นพวกเขาอย่างเหี้ยมโหด พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาเข้าถึงแหล่งทรัพยากรได้ยากมาก
ส่วนปัญหาภายในก็คือ โดยหลักการแล้ว ทุกปัญหาจะต้องถูกแก้ไขในระดับท้องถิ่น ดังนั้น ปัญหาในโรจาวาจึงไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองปัญหา แต่ในท้องถิ่นต่างๆ ย่อมมี มอง ตีความ และแก้ไขปัญหาแตกต่างกัน ตามแต่ความประสงค์ของแต่ละท้องที่ อย่างไรก็ตาม ในโรจาวายังคงมีคนรวยกับคนจน เพียงแค่การเป็นคนจนไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงนัก เพราะผู้คนที่นั่นดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันอยู่ตลอด
ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ประการหนึ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ การเติบโตของชนชั้นนายทุน จากกลุ่มคนที่จัดการเรื่องกระบวนการนำเข้าสินค้า อย่างไรก็ตาม “รัฐ” – ในความหมายของขบวนการความร่วมมือระดับใหญ่ในโรจาวา – จัดการปัญหานี้โดยการสนับสนุนให้เกิดการจัดการนำเข้าสินค้าต่างๆ ด้วยวิธีการแบบสหกรณ์ความร่วมมือ ซึ่งเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม และจำกัดการเติบโตรวมทั้งช่องทางทำเงินของชนชั้นดังกล่าว ไม่ให้เติบโตขึ้น
ชาวต่างชาติสามารถเดินทางไปโรจาวาได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องทำอย่างไร?
ได้แน่นอน! พวกเขายินดีต้อนรับชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย แม้ว่าในทางเทคนิคแล้ว การมาอยู่ที่นี่จะผิดกฎหมาย แต่มันก็ปลอดภัยมาก ไม่เคยมีชาวต่างชาติคนไหน “หายตัวไป” ในโรจาวา หากคุณต้องการจะช่วยเหลือสังคม คุณจำต้องเข้าคอร์สฝึกหัด แล้วคุณก็จะได้เรียนรู้คุณค่าที่พวกเขายึดถือ อันรวมไปถึงการวิพากษ์ตนเองอย่างหนักเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องปิตาธิปไตยชายเป็นใหญ่
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้พวกเขาไม่ได้ต้องการทหารอาสาอีกแล้ว โรจาวามีอาสาสมัครอยู่ในกองทัพเยอะมาก แต่พวกเขายังต้องการผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านต่างๆ อาทิ วิศวกร แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร
วิธีการเข้าไปที่นั่นก็ไม่ยาก อันที่จริงพวกเขาไม่มีช่องทางหลักอย่างเป็นทางการ แต่สามารถติดต่อค้นหาได้จากช่องทางเช่น Twitter อย่าง Rojava Information Center เป็นต้น ที่เหลือคุณอาจต้องพูดคุยกับพวกเขา แล้วหาทางไปที่อิรัก และขึ้นรถต่อเข้าไปที่โรจาวา
ตัวอย่างชีวิตธรรมดาทั่วไป ในหนึ่งวัน ณ โรจาวาเป็นอย่างไร?
โรจาวาเป็นที่ที่มีความหลากหลายสูงมาก มันจึงยากที่จะยกตัวอย่างชีวิตประจำวันให้เห็น อย่างไรก็ดี ชีวิตที่นั่นค่อนข้างผ่อนคลาย สบายๆ ทุกคนเป็นมิตรและพูดคุยสังสรรค์กันตลอด อย่างเช่น สมมติว่าคุณอยู่ในโรจาวา แล้ววันหนึ่ง คุณตั้งใจเดินเข้าคาเฟ่เพื่อดื่มกาแฟสักแก้ว คุณอาจได้เข้าไปนั่งจิบชากับผู้ดูแลร้าน หลังจากนั้นก็มีคนอื่นเข้ามาขอความช่วยเหลือในการย้ายเฟอร์นิเจอร์ แล้วคุณก็เลยตามเลยไปช่วยเขาย้ายมันที่บ้าน เสร็จแล้วพวกคุณก็ดื่มชาอีกรอบที่บ้านหลังนั้น หลังจากนั้น 4 ชั่วโมงถัดมา คุณก็กลับบ้านโดยไม่ได้ดื่มกาแฟสักแก้ว แต่มันก็เป็นวันที่ดีทีเดียว เพราะคุณได้พูดคุยพบปะสังสรรค์ และหลายต่อหลายครั้ง คุณแทบไม่ต้องใช้เงินเลย บางทีเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเดินผ่านคาเฟ่แล้วพวกเขาไม่ชวนคุณจิบกาแฟสักแก้ว อะไรทำนองนั้น
ชีวิตที่นั่นปลอดภัยมาก อาจกล่าวได้ว่าหลายที่ปลอดภัยกว่านิวยอร์คเสียอีก จนผู้หญิงสามารถเดินทางในเวลากลางคืนคนเดียวได้โดยไม่ต้องกลัวเกรงสิ่งใด แน่นอนว่าสิ่งนี้ได้มาจาการมีกองกำลังป้องกันตนเองของผู้หญิง บ้านสตรี และกลไกต่างๆ ในการเสริมสร้างดูแลผู้หญิงอย่างครบวงจร ผู้สนใจสามารถอ่านได้ในบทความของเราในส่วนคณะกรรมการสตรี
โดยสรุปแล้ว ผู้คนที่นั่นพบปะสังสรรค์กัน ถกประเด็นอภิปรายเรื่องปัญหาต่างๆ ในท้องถิ่น พูดคุยเรื่องการเมือง ทฤษฎี ชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสิ่งที่แต่ละคนทำได้ และอื่นๆ อีกมากมาย หลายๆ ครั้ง ผู้คนแทบไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะทำอะไร แต่กลายเป็นว่าเราจะช่วยใครทำอะไรมากกว่า
ชาวโรจาวาทำอย่างไร ในการส่งเสริมให้ผู้คนร่วมมือกันทำงานเป็นลักษณะสหกรณ์ ความสำเร็จและความล้มเหลวที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
การพบปะพูดคุยเชิงลึกและยาวนานเป็นสิ่งสำคัญ และกลุ่มคนที่มีบทบาทหลักก็คือผู้หญิง
แก่นแกนสำคัญของการปฏิวัติครั้งนี้ก็คือ มันเป็นการปฏิวัติของผู้หญิง ไม่ใช่แค่การปฏิวัติที่มีผู้หญิงเข้าร่วม แต่ผู้หญิงคือแกนหลักของการปฏิวัติครั้งนี้ ยุทธวิธีง่ายๆ ที่ทำให้การปฏิวัติครั้งนี้เข้มแข็งมากก็คือการที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ปัจจัยหลักที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเรื่องทางสังคม ทุกคนที่เข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้เป็นเพื่อนกัน (ในความหมายที่ดูจะไม่ต่างจากคำว่า ‘สหาย’) เพื่อนจะค่อยช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของกันและกัน ไม่ว่ามันจะเป็นปัญหาส่วนบุคคลหรือเป็นปัญหาของชุมชนก็ตามที สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็ด้วยการพยายามสร้างการพบปะสังสรรค์ขนานใหญ่ขึ้น พวกเธอก่อร่างสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้คนในชุมชนต่างๆ
ชาวโรจาวาจัดการเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนาอย่างไร?
ภูมิภาคที่โรจาวาสถาปนาสหพันประชาธิปไตยขึ้นนั้น มีประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายทารุณ ผู้คนต้องทุกข์ทรมาณกับการต่อสู้ระหว่างวัฒนธรรมและศาสนาเป็นอย่างมาก หลายต่อหลายคนสูญเสียชีวิต การปฏิวัติโรจาวาพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะหาหนทางจัดการกับปัญหาเรื่องความแตกต่างเหล่านี้ แต่การปฏิวัตินี้ยังคงอยู่ในระยะแรกเริ่ม และความแตกแยกก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ หลายต่อหลายคนยังคงโกรธแค้นการกระทำของอดีตกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ ที่กดขี่กันมา บางคนก็มีทัศนคติเหยียดเชื้อชาติเพราะว่าญาติสนิทมิตรสหายของเขาเคยถูกกระทำมาก่อน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ให้สัมภาษณ์ได้กล่าวกับเราว่า เมื่อเขาไปถึง ณ ที่แห่งนั้นวันแรก เขาพูดภาษาถิ่นไม่ได้ แต่เมื่อเขาไปนั่งที่โรงชาแห่งหนึ่งคนเดียว กลับกลายเป็นว่าทุกคน ณ โรงชากลับเดินเข้ามาหาเขา แล้วก็พูดคุยกัน ผ่านการแปลโดยอาศัยพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ และทุกคนก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันเมื่อคุยถึงเรื่องศาสนาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ผู้ให้สัมภาษณ์ยังกล่าวกับเราอีกว่า เมื่อคุณพบเจอการเหยียดเชื้อชาติหรือผู้คนที่มีอคติในเรื่องใดก็ตาม คุณจำต้องพูดถึงมันและจัดการกับเรื่องเหล่านั้น คุณไม่ควรโกรธ คุณควรระลึกเสมอว่าคนที่คุณกำลังพบเจอนั้นมีปัญหา และคุณก็ควรช่วยเขาจัดการกับมัน ด้วยวิธีการพูดคุยกัน อย่างไรก็ดี สิ่งนี้จำต้องใช้เวลา แน่นอนว่าพวกเขาที่นั่นอดทนกันมาก และส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขามีเวลาในการพูดคุยกันเยอะพอตัว
ชาวโรจาวาเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร?
พวกเขามีเพื่อนมากมายอยู่ที่อิรัก ซึ่งช่วยส่งสัญญาณเข้ามาผ่านทาง WiFi ที่เชื่อมต่อโรจาวาทั้งหมดเข้าสู่เครือข่ายของอีรักผ่านเสาสัญญาณต่อๆ กัน และเมื่อต่อสัญญาณไปถึงอิรักได้แล้ว ก็หมายความว่าพวกเขาเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างสมบูรณ์
(สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่พวกเขาใช้ในการสัมภาษณ์ ก็ดูลื่นไหลไม่ติดขัดอะไร หลายครั้งดีกว่าสัญญาณของผู้สัมภาษณ์เสียอีก)
โครงการทางการเมืองที่มีจิตวิญญาณการกระจายอำนาจและต่อต้านรัฐ-ทุนเช่นโรจาวานี้ เคยได้ยินเรื่องราวของผู้คนในพม่าบ้าง ณ ตอนนี้หรือไม่? และพวกเขามีคำแนะนำในเรื่องทางยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์ต่างๆ สำหรับเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้บ้างหรือไม่?
ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวกับเราว่าเขาไม่รู้สถานการณ์ในไทยและพม่า อย่างไรก็ดี เขาสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวเหล่านั้น และเราก็ได้พูดคุยกับเขาเรื่องนี้เล็กน้อย
สำหรับเรื่องการปฏิวัติโรจาวานั้น เขากล่าวว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ อย่างแรกเลยก็คือ ผู้คนในระดับท้องถิ่นมีการจัดตั้งกันเองขึ้นมาอย่างลับๆ สิ่งเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในกลุ่มผู้หญิง ซึ่งเป็นหัวหอกของการปฏิวัติครั้งนี้ เหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พวกชนชั้นนำมองพวกเธอว่าอ้อนด้อย ไร้ค่ายิ่งกว่ามนุษย์ จนทำให้พวกเขาละเลยการสอดส่องตรวจตราการเมืองของเหล่าผู้หญิงทั้งหลาย ในขณะที่ผู้ชายโดยเฝ้าจับตามองอยู่ตลอดเวลา ถัดมาเมื่อเกิดสงครามกลางเมืองซีเรียขึ้น รัฐบาลก็จำต้องถอยทัพออกไป แล้วผู้คนตามท้องที่ต่างๆ ก็มีอิสระในการสถาปนาสถาบันและการปกครองของพวกเธอเองขึ้นมา ดังนั้นแล้ว คำแนะนำหลักของเขาก็คือ ‘ให้ผู้หญิงพกปืนอัตโนมัติ’ ซึ่งดูเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ตลกสักเท่าใด เพราะมันเป็นเรื่องที่มีเหตุผลทางยุทธวิธีในการสร้างการปฏิวัติของผู้หญิง และในทางศีลธรรมแล้ว มันก็คือการจัดการกับระบบปิตาธิปไตยนั่นเอง
ท้ายที่สุดแล้ว การปฏิวัติครั้งนี้เป็นเรื่องของท้องถิ่น ณ ตอนนี้ก็จริง แต่พวกเขาต้องการก้าวไปสู่ระดับนานาชาติ และพวกเขายินดีโอบรับและแผ่ซ่านความร่วมมือไปทุกที่อย่างแน่นอน
ประเด็นทิ้งท้ายที่สำคัญ
ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวเน้นว่า การศึกษาคือสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่การศึกษาของปัจเจก แต่เป็นเรื่องการศึกษาในระดับกลุ่ม หรือจะเรียกว่ากลุ่มศึกษาก็ย่อมได้ สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่นั่น จุดเน้นหลักก็คือการทำลายการครอบงำแบบผู้ชายทิ้งเสีย ซึ่งจำต้องมีการวิพากษ์ตนเองอย่างมากมายมหาศาล แต่เป็นกระบวนการผ่านการศึกษาแบบรวมหมู่ และโดยทั่วไปแล้ว มันคือการผนวกรวมเพื่อนฝูงเขามาในกระบวนการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาทิการเข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อพบปะสังสรรค์พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่พวกเขาตระหนักและสนใจ เพื่อดึงพวกเขาเข้ามาร่วมในกระบวนการทางการเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นต้น