ผู้เขียน Charlotte England, Clare Hymer, Rivkah Brown, Camille Mijola และ Sophie K Rosa
ผู้แปล GoodDay
บรรณาธิการ Editorial Team

Note: บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Progressive International
บทแปลได้รับการสนับสนุนจากกองทุนก้าวหน้า โดย Common School

cover image source


 

กองกำลังตำรวจทั่วโลกมีกลวิธีในการจัดการควบคุมการประท้วงที่พวกเขาใช้ร่วมกัน และผู้ประท้วงก็ควรมีกลวิธีในการป้องกันตัวเองเช่นเดียวกัน บทความชิ้นนี้พาสำรวจขบวนการเคลื่อนไหวประท้วงอันแตกต่างหลากหลายและวิธีการที่พวกเขาใช้ในการรับมือความรุนแรงของตำรวจ พร้อมเคล็ดลับแบบต่าง ๆ ที่ผู้มีส่วนร่วมในการประท้วงนิยมใช้กัน

กรีซ

‘อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนและเกาะกลุ่มใกล้ ๆ กันเอาไว้ สวมหน้ากาก วาดลวดลายกราฟฟิตี้ทิ้งเอาไว้ และอย่าได้ยอมแพ้’

กรีซอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับชาติแบบปิดๆ เปิดๆ มาโดยตลอด ซึ่งล็อกดาวน์รอบปัจจุบันก็ปาเข้าไปเกือบจะ 5 เดือนแล้ว เสรีภาพพลเมือง รวมไปถึงเสรีภาพในการเคลื่อนไหว ถูกจำกัดควบคุมอย่างมากผ่านการใช้มาตรการสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ การประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน ผู้คนสามารถออกจากบ้านได้ในช่วงเวลาที่จำกัดและด้วยเหตุผลอันสมควรเท่านั้น และต้องเป็นภายหลังจากส่งข้อความ SMS เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตได้รับทราบแล้วเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบหมายให้ใช้มาตรการเหล่านี้ซึ่งนำไปสู่การใช้อำนาจในทางมิชอบบ่อยครั้ง

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้ยกอำนาจนิติบัญญัติที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนให้กับสถาบันของตำรวจ และรัฐบาลยังถือว่าเสรีภาพในการประท้วงถือเป็นอาชญากรรม โดยที่สิ่งดังกล่าวไม่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด การโต้ตอบของตำรวจต่อการประท้วงแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการเรียกร้องให้มีการจัดหา PPE (อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล-Personal Protective Equipment) จำนวนที่มากกว่านี้ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวต่อต้านฟาสซิสต์/ส่งเสริมประชาธิปไตย ตลอดจนการประท้วงของนักศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ เป็นการตอบโต้ที่ไร้ความอดกลั้นเป็นอย่างยิ่งและมิหน้ำซ้ำยังเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อผู้ประท้วงอยู่บ่อยครั้ง

ความรุนแรงและความโหดร้ายทารุณของตำรวจมีที่มาจากต้นกำเนิดแรกเริ่มของกองกำลังตำรวจในกรีซ นับแต่เกิดการจราจลในเดือนธันวาคมปี 2008 อันมีชนวนต้นเหตุมาจากการฆาตกรรมนักเรียนชายวัย 15 ปี นามว่า Alexandros Grigoropoulos ซึ่งเกิดจากน้ำมือตำรวจ กองกำลังตำรวจก็จัดหายุทโธปกรณ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นกองกำลังทางการทหารอย่างเต็มรูปแบบ และความรุนแรงที่กระทำโดยตำรวจส่วนมากยังคงอยู่เหนือการตรวจสอบโดยกฎหมายอีกด้วย

source: dailysabah.com

การประท้วงในที่สาธารณะยังเป็นรูปแบบการต่อต้านหลักในกรีซ และการประท้วงก็ได้ทิ้งลวดลายกราฟฟิตี้ไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อจารึกเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิของผู้อพยพ ความรุนแรงที่กระทำโดยตำรวจ สภาวะภูมิอากาศผิดปกติ (ภาวะโลกร้อน) สิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศและสิทธิของนักโทษ อันเป็นปัญหาที่สื่อกระแสหลักเมินเฉยมาโดยตลอด

บรรดานักเคลื่อนไหว รวมไปถึงผู้อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงและผู้ที่สัญจรไปมาที่มากขึ้นเรื่อยๆ ได้บันทึกเหตุการณ์ความโหดร้ายของตำรวจ โดยใช้โทรศัพท์มือถือในการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อที่สนับสนุนประชาธิปไตย ชุดเหตุการณ์ความรุนแรงอันต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถูกเผยแพร่สู่พื้นที่สาธารณะผ่านพลเมืองที่แชร์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลงบนสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งในกาลถัดมาถูกสื่อระดับชาตินำไปเผยแพร่ต่อ และบ่อยครั้ง คลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดียก็มีประโยชน์อย่างมากในศาลเมื่อผู้ถูกจับกุมถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าพวกเขาใช้ความรุนแรงต่อตำรวจ

กลวิธีหลักในการรับมือความรุนแรงที่มาจากตำรวจในระหว่างการประท้วง ยังคงเป็นรูปแบบของการเกาะกันเป็นกลุ่มก้อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และถอยกลับในลักษณะที่เป็นขั้นเป็นตอน ในบางกรณี ผู้ประท้วงใช้ความพยายามที่จะดันตำรวจกลับไป เพื่อที่จะได้ซื้อเวลาให้ผู้ประท้วงสามารถถอยร่นกลับได้ เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหนึ่งได้รับทราบว่าหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มตัวเองถูกตำรวจควบคุมกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายและถูกทำร้ายร่างกายต่อเนื่องนานหลายวัน พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมกันเพื่อยื่นฟ้องตำรวจ

ความรุนแรงที่กระทำโดยตำรวจเป็นหนึ่งในความรุนแรงหลากหลายรูปแบบ เครื่องมือสะกดรอยถูกติดตั้งไว้ในยานพาหนะของนักกิจกรรมและสถาบันที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิ นักกิจกรรมถูกหมายตัวจากการตีพิมพ์ชื่อและป้ายทะเบียนของพวกเขา หนึ่งในกลยุทธ์ของการต่อต้านคือความไม่หวาดหวั่น แต่เป็นการทำให้กิจกรรมการเคลื่อนไหวเหล่านี้กลายมาเป็นที่รู้จักและมีส่วนร่วมในเรื่องสังคมการเมืองอย่างต่อเนื่อง

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนได้เข้าร่วมเครือข่ายการสื่อสารที่เชื่อถือได้อย่างเช่น Signal และผู้คนมีความระแวดระวังมากขึ้นในเรื่องของความมั่นคงและความปลอดภัยส่วนบุคคล เมื่อลงถนนประท้วง คนส่วนใหญ่ก็มีผ้าพันคอไว้ใช้ปกปิดใบหน้าและป้องกันตัวเองจากแก๊ซน้ำตา พวกเขาใช้ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร (stomach antacids) เช่น Maalox หรือ Riopan เพื่อลดฤทธิ์การเผาไหม้ของแก๊สน้ำตา

นักกิจกรรมในกรีซไม่รู้จักคำว่าแพ้แม้ในเวลาที่หวั่นเกรง กระดูกที่แตกยังคืนสภาพได้เร็วกว่าจิตสำนึกที่แหลกสลาย นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงแต่อย่างใด ชายหนุ่มวัย 27 ปี Vassilis Maggos เสียชีวิตจากการโดนตำรวจซ้อมในกรีซเมื่อปีที่ผ่านมา กระนั้นเอง การร่วมกันระดมคนออกมาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการประจันหน้ากับความโหดร้ายรุนแรงของตำรวจ และเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการเยียวยารักษาความตกต่ำที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบ เมื่อใดที่ความหวาดเกรงต่อตำรวจมีชัยเหนือเสรีภาพในการแสดงออกและการเจรจาทางสังคม นั่นหมายความว่าสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการพูดถึงชัยชนะของอำนาจนิยม

 

เมียนมาร์

‘ใช้ VPN จัดตั้งบน Signal ใช้โคคา-โคล่าล้างแก๊ซน้ำตาออก และถ่ายบันทึกทุกสิ่งอย่าง’

ในพม่า พวกเราประท้วงกันทั่วประเทศนับตั้งแต่การยึดอำนาจโดยกองทัพในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประชาชนกว่าหลักแสนคนก้าวลงสู่ท้องถนนทุกวันเพื่อต่อต้านขัดขืนตำรวจและทหารที่ปฏิบัติต่อผู้คนราวกับพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้าย โดยใช้วิธีการจับกุมโดยพลการและความรุนแรง ประชาชนกว่า 800 คนถูกฆ่า คนส่วนใหญ่ถูกยิงระหว่างการประท้วง

พวกเราจึงต้องจัดตั้งอย่างรวดเร็ว อย่างยืดหยุ่นและอย่างสร้างสรรค์ พร้อมๆ กับที่เจ้าหน้าที่เสาะหาทุกวิถีทางในการกดปราบขบวนการจัดตั้ง รวมไปถึงการบล็อกข้อมูลโทรศัพท์มือถือและสัญญาณอินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง

ขั้นแรก พวกเราใช้กลุ่มบนเฟซบุ๊กในการประสานงานการประท้วง แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่ตำรวจจะสามารถแทรกแซงเข้ามาและระบุตัวผู้ก่อการได้ (หลายคนถูกลักพาตัวและกักขัง บ้างถูกทรมานและฆ่าตาย) ดังนั้น ตอนนี้เราจึงใช้ VPNs ในการปกปิดตำแหน่งของพวกเราและสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่นส่งข้อความที่มีความปลอดภัยอย่างเช่น Signal และ Telegram แทน ฉันโพสต์สื่อสารในแชแนลกลุ่ม ซึ่งการจะอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ได้ ต้องให้เพื่อนรับรองเราก่อนแล้วจึงเพิ่มเราเข้าไปในกลุ่ม จำนวนคนในกลุ่มเหล่านี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นักเคลื่อนไหวบางคนก็ระวังความปลอดภัยมากกว่านั้นและเลือกที่จะส่งข้อมูลผ่านการพูดปากต่อปากเท่านั้น นั่นคือส่งข้อมูลต่อกันเป็นทอดจากคนที่วางใจได้ไปสู่อีกคนหนึ่ง โดยไม่อาจทราบถึงแหล่งอ้างอิงของคนก่อนๆ หน้าได้เลย วิธีการนี้หากคนใดคนหนึ่งถูกจับก็จะไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่นๆ ได้

source: aljazeera.com

ทุกๆ วัน นักเคลื่อนไหววัยหนุ่มสาวคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ในการรักษากระแสของการต่อสู้เอาไว้ วันนี้คนพากันสวมใส่กางเกงสีแดงทั่วทุกพื้นที่เพื่อแสดงออกถึงสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ในวันอีสเตอร์ซันเดย์ (Easter Sunday) พวกเขาพ่นสีสโลแกนการประท้วงลงบนไข่ เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันสตรีสากล คนก็พากันเอากระโปรงหรือผ้าถุงของผู้หญิงไปตากไว้บนเสากับราวตากผ้า เพราะผู้ชายรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารงมงายเกินที่จะเดินลอดตำแหน่งดังกล่าว เพราะกลัวว่าจะการทำแบบนั้นจะทำให้ตัวเองสูญเสียอำนาจ 

บนท้องถนน ผู้ประท้วงที่อยู่แนวหน้าจะได้รับโล่ที่ทำขึ้นเฉพาะหน้าในการป้องกันตัวจากกระสุนยางและหน้ากากกันแก๊สเพื่อป้องกันตัวจากแก๊สน้ำตา ในส่วนของแนวหลังก็จะมีทีมที่รับผิดชอบในการถอนพิษของแก๊สน้ำตาโดยใช้น้ำและผ้าชุบน้ำเปียก หากแก๊สน้ำตาเข้าตา พวกเราก็ค้นพบว่า โคคา-โคล่า สามารถนำมาใช้ล้างแก๊สน้ำตาออกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ในบางครั้ง เราจุดพลุดอกไม้ไฟเพื่อข่มขวัญตำรวจและรบกวนตำรวจด้วยการโห่ร้องเสียงดัง และจุดไฟเผายางจนไหม้เป็นควันโขมงเพื่อพรางตัวผู้ประท้วง พวกเราปิดถนนโดยใช้เครื่องกีดขวาง สิ่งเหล่านี้ใช้การได้ดีในระดับหนึ่ง แต่บางในครั้งสิ่งเดียวที่พวกเราจะสามารถทำได้ก็คือวิ่ง เพราะเวลาตำรวจและทหารใช้กระสุนจริงและพวกเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยในการป้องกันตัวจากอาวุธปืนของพวกเจ้าหน้าที่

บรรดานายพลไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเลย พวกเขาเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อของรัฐ แต่ชัดเจนว่ามันเป็นคำโกหกที่น่าขัน ช่างน่าตลกที่จะต้องมาดูสิ่งเหล่านี้เพราะทุกคนรู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร ในขณะเดียวกัน พวกเขาปิดกั้นสื่ออิสระและปราบปรามนักข่าว เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงต้องพึ่งพาอาศัยนักข่าวพลเมือง ผู้ซึ่งใช้โทรศัพท์มือถือในการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น คนเหล่านี้จำนวนมากตอนนี้ถูกกักขังไปแล้วเช่นกัน แต่สามัญชนคนธรรมดาจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมก็พร้อมที่จะก้าวออกมาเสมอ แหล่งข่าวแต่ละแห่งก็เริ่มที่จะอิงข้อมูลจากคลิปวีดีโอและรูปภาพที่พวกเขาแชร์ลงสื่อโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น

 

ไนจีเรีย

‘ใช้โซเชียลมีเดียเปิดโปงความรุนแรงของตำรวจ และระดมทุนเพื่อสนับสนุนผู้ร่วมประท้วง’

ความรุนแรงที่กระทำโดยตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในไนจีเรียมาเนิ่นนานแล้วตราบเท่าที่ฉันจำความได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดฉากยิงจากตำรวจ หรือการที่ตำรวจกระทำอันตรายต่อพลเมืองที่ด่านตรวจ

ภายหลังจากที่มีการเปิดโปงเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับการคุกคามข่มขวัญที่กระทำโดยหน่วยตำรวจที่มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีของประเทศที่ถูกเรียกว่า กองกำลังพิเศษเพื่อต่อต้านการปล้นสะดม (Special Anti-Robbery Squad) หรือ ‘SARS’ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนส่วนมากของประเทศ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การประท้วงต่อต้าน SARS และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่จึงปะทุขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ

การประท้วงที่ประกอบด้วยการใช้แฮชแท็ก #EndSARS จึงกลายมาเป็นฉากของการใช้ความรุนแรงโดยรัฐในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ในวันที่ 20 ตุลาคม กลุ่มผู้ประท้วงวัยหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ที่ประตูเก็บค่าผ่านทาง “Lekki” ถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม ณ ห้วงขณะที่ยานพาหนะของกองทัพได้ปิดทางออกทั้งสองทางของสถานที่ดังกล่าวและเริ่มระดมยิง ในวันถัดมาประชาชนมากกว่า 100 คนถูกสังหารในลากอส (Lagos) และในหลายๆ รัฐทั่วประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ดาหน้าออกมาปฏิเสธการฆาตกรรมหมู่ดังกล่าว ความโหดร้ายรุนแรงเหล่านี้นำไปสู่การประท้วงที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในระดับชาติ พร้อมๆ กับที่บ้านและโกดังของนักการเมืองคนสำคัญหลายคนที่กักตุนอุปกรณ์และเครื่องมือรักษาโรคโควิด (COVID-19) เอาไว้ก็ถูกโหมกระหน่ำโจมตีและปล้นชิงโดยบรรดาผู้ประท้วงที่โกรธเกรี้ยว

ource: : techuncode.com

อย่างไรก็ตาม ผู้ประท้วงในไนจีเรียมีสองสิ่งที่สำคัญอยู่กับตัวพวกเขา หนึ่งคือโซเชียลมีเดีย ผู้คนหนุ่มสาวหลักพันใช้สมาร์ทโฟนบันทึกรูปภาพและคลิปวีดีโอการใช้ความรุนแรงและอัปโหลดลงเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ เพื่อเปิดเผยให้เห็นถึงความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มากไปกว่านั้น คลิปวีดีโอยังเผยให้เห็นความลวงหลอกของรัฐบาลจนถึงขั้นที่ว่าความน่าเชื่อถือของนักการเมืองในไนจีเรียถูกทำลายไปจนหมดสิ้น

เราควรเน้นย้ำถึงบทบาทของผู้หญิงในการรักษาไว้ซึ่งกระแสของขบวนการประท้วงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวร่วมสตรีนิยม (The Feminist Coalition)  ซึ่งมีฐานยึดโยงกันในระดับนานาชาติ แนวร่วมนี้ระดมทุนได้มากกว่าหลักแสนดอลลาร์ในการสนับสนุนมวลชน รวมไปถึงเรื่องอาหารและค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสำหรับช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับกุมและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

ตำรวจในไนจีเรียมีความโหดเหี้ยมและเสื่อมทรามมากยิ่งกว่าที่ใดในโลก อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้มีบทเรียนสำคัญที่เราสามารถนำไปปรับใช้ในการรักษาไว้ซึ่งขบวนการเคลื่อนไหวได้

 

โคลัมเบีย

‘ใช้ยุทธวิธีอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชุมนุม การระดมพล การนัดหยุดงาน การเผชิญหน้า การกีดขวาง การปิดทางมอร์เตอร์เวย์’

เมื่อไม่นานมานี้ โคลัมเบียได้ประสบพบพานกับการที่ชีวิตสาธารณะซึ่งเข้าสู่สภาวะพร้อมรบสงครามและมีการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างรัฐในการปิดปากผู้เห็นต่าง ศัตรูของนโยบายเหล่านี้คือคนหนุ่มสาวและใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ระบบระเบียบดังกล่าวของรัฐ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว กองร้อยเคลื่อนที่เพื่อการปราบปรามความไม่สงบเรียบร้อย หรือ ‘the ESMAD’ (Mobile Anti-Disturbances Squadron) จึงถูกจัดตั้งขึ้นเป็นกองกำลังพร้อมรบของรัฐ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการฆาตกรรมหลายกรณีและเรื่องความประพฤติอันมิชอบ กองกำลังดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาความไม่พอใจของสาธารณชน

source: aljazeera.com

ในส่วนของยุทธศาสตร์การต่อต้านความรุนแรงของตำรวจ พวกเรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘ศิลป์ของการเคลื่อนไหวแบบหมู่คณะ’ นั่นคือ การชุมนุม การระดมพล การนัดหยุดงานประท้วง และ การเผชิญหน้ากับตำรวจ (tropeles)  การกีดขวางทางจราจร และการปิดถนน

สิ่งที่เราเห็น ณ ตอนนี้ คือการไหลมาบรรจบกันของการประท้วงอันหลากหลายที่มีมาก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงโดยพลเมืองในปี ค.ศ. 1977 หรือการต่อสู้ภายในมหาวิทยาลัยของรัฐ ประสบการณ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้ปรับใช้ในการป้องกันและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขบวนการเคลื่อนไหว

กลุ่มที่ชื่อว่า ‘โล่น้ำเงิน’ [ los escudos azules (the blue shields) ] ถูกจัดตั้งขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องขบวนการเคลื่อนไหวจากการจู่โจมของตำรวจ 

คนเหล่านี้คือคนหนุ่มสาวที่สวมเสื้อคลุมศีรษะในการป้องกันตัวเอง พวกเขาต้องเผชิญกับความบาดเจ็บที่ดวงตา [อันเป็นผลมาจากแก๊สน้ำตา] ยกตัวอย่างเช่น ทุกวันนี้ผู้ประท้วงจำนวนมากขึ้นหันมาสวมใส่ชุดป้องกัน อีกหนึ่งแง่มุมสำคัญในยุทธศาสตร์ของขบวนการเคลื่อนไหว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการต่อต้านของชาวนาและชนพื้นเมืองในโคลัมเบีย คือการมีทีมที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน ช่องทางการสื่อสาร และสุขภาพร่างกาย

เมื่อประชาชนไม่ได้กลัวการเผชิญหน้ากับตำรวจมากเท่ากับแต่ก่อน ความรุนแรงก็ยิ่งลุกลามบานปลาย บ่อยครั้งผู้ประท้วงปาหินในการประท้วง หลังจากนั้น ESMAD ก็จะเข้าสู่สถานที่เกิดเหตุและเปิดฉากยิงกระสุนที่ประกอบไปด้วยลูกปราย (pellets) และแก้ว (glass) ใส่ผู้คนจนล้มตายไปหลายชีวิต และในบางครั้งผู้ประท้วงก็ปาระเบิดโมโลตอฟ (Molotov bombs) แน่นอนว่ามันเสี่ยงอย่างมาก แต่คุณต้องประเมินความเสี่ยงประกอบกับสิ่งที่คุณกำลังเผชิญหน้าเช่นกัน ในหลายครั้งหลายคราผู้ประท้วงก็จำเป็นต้องมีกลวิธีในการป้องกันตัวเองหากว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงอย่างไม่ยั้งมือ