ผู้เขียน Şervîn Nûdem, Jineolojî Academy 
ผู้แปล Peam Pooyongyut

หมายเหตุ: บทแปลนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนก้าวหน้า โดย Common School


ขบวนการปลดปล่อยผู้หญิงเคอร์ดิสถาน

ตั้งแต่ปี 2005 ผู้หญิงจากทั้งสี่ภาคของเคอร์ดิสถานหรือที่รู้จักกันในชื่อผู้หญิงชาวเคิร์ดพลัดถิ่น รวมทั้งผู้หญิงจากประเทศอื่นๆ ได้ร่วมตั้งกันจัดตั้งเป็นพันธมิตรในนาม ชุมชนผู้หญิงแห่งเคอร์ดิสถาน (KJK) KJK ตั้งกลุ่มขึ้นมามากมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของสถานที่แต่ละแห่ง แต่พวกเขามีเป้าหมายร่วมกันก็คือการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีฐานมาจากหลักการที่ยึดเอาคุณค่าความเสมอภาคของผู้หญิงเป็นหลัก โดยที่หลักการดังกล่าวจะต้องตอบสนองความต้องการของกลุ่มสังคมและชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม โดยใช้แนวทางแนวทางแบบรากหญ้าในการตั้งคอมมูน สภา สถานศึกษา และสหกรณ์ที่ดำเนินการโดยผู้หญิง เพื่อเป็นทางเลือกในการจัดการชีวิตของคนในสังคม KJK มีบทบาทในทุกมิติ ตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนถึงวาระทางสังคม ตั้งแต่นิเวศวิทยาและเศรษฐกิจชุมชนไปจนถึงสาธารณสุข ตั้งแต่การศึกษาและงานด้านสื่อไปจนถึงวัฒนธรรมและศิลปะ ตั้งแต่การจัดโครงสร้างไปจนถึงการบริหารส่วนท้องถิ่น ความยุติธรรมต่อผู้หญิง และการทูต ส่วนกองกำลังป้องกันตนเองโดยผู้หญิงนั้นถูกจัดตั้งขึ้นในหลายๆ รูปแบบซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละภูมิภาค

ในปี 2011 มีการก่อตั้ง Jineolojî ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาทางเลือกของผู้หญิง สถาบันแห่งนี้เป็นเหมือนศูนย์วิจัยและพูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายสำหรับการปฏิวัติโดยผู้หญิง อีกทั้งยังช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมประชาาธิปไตย ความคิดในเชิงนิเวศวิทยา และการปลดแอกผู้หญิง

ในขณะที่เหล่าผู้หญิงชาวเคิร์ดกำลังต่อสู้กับเผด็จการฟาสซิสต์และความรุนแรงต่อผู้หญิงมาอย่างต่อเนื่อง พวกเธอก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระไปพร้อมๆ กับการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการปลดปล่อยชาวเคิร์ดด้วย

นับตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคการเมืองที่สนับสนุนชาวเคิร์ดขึ้นในประเทศตุรกีเมื่อปี 1991 หญิงชาวเคิร์ดจำนวนมากได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาจากการลงคะแนนโหวตของชาวเคิร์ดและกลุ่มหัวก้าวหน้าในตุรกี ในปี 2014 มีการบังคับใช้ระบบสภาที่เน้นความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งแนวปฏิบัตินี้ถูกนำไปใช้กับทุกเทศบาลที่ดำเนินการโดยพรรคประชาธิปไตยประชาชน (People’s Democracy Party หรือ HDP) โดยทั่วไปแล้วเผด็จการจากพรรค AK มักจะเล่นงานผู้หญิงไม่ให้พวกเธอมีบทบาทในทางประชาธิปไตย ทั้งนักกิจกรรม นายกเทศมนตรี และผู้แทนหญิงชาวเคิร์ดหลายพันคนถูกห้ามไม่ให้แสดงบทบาททางการเมือง และกลุ่มเคลื่อนไหวและองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับผู้หญิงหลายร้อยกลุ่มก็ถูกแบน แต่ถึงอย่างนั้นขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดก็ยังคงมองว่าสิ่งที่พวกเธอประสบและถูกกระทำจะนำไปสู่การต่อสู่ในอนาคต

ถึงแม้จะต้องพบเจอกับการกดปราบและการลงโทษอย่างรุนแรงจากรัฐ และมักจะถูกเพิกเฉยจากสายตาชาวโลก แต่ชุมชนปลดปล่อยผู้หญิงแห่งเคอร์ดิสถานตะวันออก (KJAR) ในอิหร่าน ก็ยังคงจัดตั้งและให้ความรู้กับผู้หญิงมาอย่างต่อเนื่องแบบลับๆ หญิงชาวเคิร์ดที่อาศัยอยู่ในอิหร่านและเคอร์ดิสถานตะวันออกกำลังรณรงค์อย่างแข็งขันเพื่อต่อต้านโทษประหารชีวิต การปาหิน และการกดขี่ทางเพศและเชื้อชาติ

หลังจากการเข้ามาแทรกแซงของกองกำลังทหารในอิรักเมื่อปี 2003 ดินแดนทางใต้ของเคอร์ดิสถานก็เป็นอิสระทันที ในขณะที่ผู้หญิงบางส่วนมีบทบาทในพรรคการเมือง แต่ขบวนการเคลื่อนไหวแบบรากหญ้าเพื่อปลดปล่อยผู้หญิงกลับไม่ได้มีการพัฒนาเท่าที่ควร นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา กลุ่มผู้หญิงเพื่อการแสวงหาเสรีภาพแห่งเคอร์ดิสถาน (RJAK) ได้เคลื่อนไหวจัดตั้งสมาคมและสถานศึกษาเพื่อผู้หญิง มีจุดประสงค์เพื่อให้การศึกษาและรณรงค์ให้ผู้หญิงมีอำนาจต่อรองมากขึ้นทั้งในด้านสังคมและการเมือง

ในส่วนขององค์กรเพื่อผู้หญิงชาวเคิร์ดพลัดถิ่นที่ดำเนินการอยู่ในยุโรปนั้นก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980-1990 ทำให้ขบวนการปลดปล่อยเคอร์ดิสถานและขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก พวกเขาคอยเชื่อมต่อกับขบวนการเพื่อการปลดปล่อยอื่นๆ ในการสร้างเครือข่ายที่จะคอยร่วมมือและเป็นพันธมิตรต่อกัน อีกทั้งยังช่วยเหลือการต่อสู้ในประเทศบ้านเกิดไปพร้อมๆ กับการสู้เพื่อสิทธิของผู้หญิงชาวเคิร์ดพลัดถิ่น แต่ถึงอย่างนั้นยุโรปก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเธอ เพราะเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2013 Sakine Cansız ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดได้ถูกลอบสังหารในปารีสโดยฝีมือของหน่วยข่าวกรองตุรกี ซึ่งสหายของเธอสองคน Fidan Dogan และ Leyla Şaylemez ก็ถูกสังหารด้วย แต่ขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดก็ยังคงเคลื่อนไหวต่อไป โดยในปี 2014 ก็มีการก่อตั้งขบวนการย่อยในยุโรปเพิ่มขึ้นมา (TJK-E)

การปฏิวัติโรจาวาทำให้ขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ปี 2011 เกิดเหตุการณ์อาหรับสปริง ทำให้ชาวเคิร์ดในเคอร์ดิสถานตะวันตก (หรือที่รู้จักกันในชื่อโรจาวา) ได้เริ่มต้นจัดตั้งการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบจัดการตนเองขึ้นมา หน่วยป้องกันตนเองของผู้หญิงในโรจาวา (YPL) ได้รับความสนใจจากชาวโลกเนื่องจากความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับรัฐอิสลามของพวกเธอ ผู้หญิงมีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้ ทั้งในส่วนของการบัญชาการไปจนถึงแนวหน้า เช่นในเหตุการณ์การปลดแอกที่ Kobanê เมื่อปี 2015 การต่อต้านการยึดครองเมือง Efrin ของตุรกีในปี 2018 เมือง Serekaniye และ Giresipî ในปี 2019 ความเสียสละของหน่วย YPL นั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการต่อสู้ที่มีผู้หญิงเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้จากนักปฏิวัติหญิงอย่าง Arîn Mirkan และ  Avesta Xabur ส่วนนักปฏิวัติหญิงจากทั่วโลกเช่น Ivana Hoffmann จากเยอรมนี Alina  Sanchez จากอาร์เจนติน่า และ Anna Campbell จากอังกฤษก็ล้วนเข้าร่วมกับผู้หญิงในโรจาวา สภา คอมมูน และองค์กรของผู้หญิงคือหัวใจสำคัญสำหรับชีวิตในโรจาวา เรามี Kongra Star ซึ่งเป็นเหมือนองค์กรสำหรับผู้หญิงที่มาจากทั่วโลก ต่างเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม

Kongra Star นั้นดำเนินการในหลายภาคส่วน ทั้งการมอบอำนาจในการบริหารจัดการ ให้การศึกษา ระดมกำลังคนในลักษณะของการปกครองตนเอง ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการปฏิวัติโรจาวานั้นเป็นการปฏิวัติของผู้หญิงโดยแท้จริง ส่งผลให้ระบบที่มอบความเป็นอิสระให้กับผู้หญิงนั้นถูกพัฒนาในหลายๆ มิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง พันธมิตรทางประชาธิปไตยและความสัมพันธ์ทางการทูต งานด้านสังคม สาธารณสุข การศึกษา ความยุติธรรม การป้องกันตนเอง การใช้สื่อ การจัดการแบบเทศบาลและระบบนิเวศ ไปจนถึงเรื่องศิลปะและวัฒนธรรม  ผู้หญิงนับหมื่นๆ คนที่เคยถูกกักขังอยู่ในสถานะของแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกและแม่บ้านที่ต้องคอยรับใช้สามีกำลังทวงสิทธิ์ของพวกเธอคืนมา และเข้าร่วมกับองค์กรและชุมชนที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิง ผู้หญิงจำนวนมากอธิบายชีวิตที่เปลี่ยนแปลงหลังจากการเข้าร่วมการปปฏิวัติว่า “มันต่างกันราวกับกลางคืนและกลางวัน” และ “เหมือนเริ่มบทใหม่ของชีวิต”

“กฎหมายสตรี” ในซีเรียเหนือและใต้นั้นให้ความสำคัญกับอิสระและความเท่าเทียมของผู้หญิง กฎหมายนี้ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติและใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงในครอบครัวและในความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น ธรรมเนียมแบบชายเป็นใหญ่ที่อนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาหลายคน การแต่งงานกับเยาวชนโดยปราศจากความยินยอมก็ถูกห้ามเช่นกัน ทั้งหญิงและชายล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในเรื่องมรดกและการหย่าร้าง

ระบบการบริหารที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศนั้นถูกนำไปใช้ในทุกระดับของโครงสร้างทางการเมืองและการบริหารของการปกครองตนเองในซีเรียเหนือและตะวันออก ชีวิตทางการเมืองไม่ได้เป็นของผู้ชายอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว

ในประวัติศาสตร์ของขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ด ผู้หญิงหลายหมื่นคนได้อุทิศชีวิตของพวกเธอเพื่อปลดปล่อยจากการถูกกดขี่ทางเพศ ปลดปล่อยแผ่นดินและประชาชนของพวกเธอจากเจ้าอาณานิคม โดยมีเป้าหมายไปสู่การสร้างสังคมเสรี ผู้หญิงหลายพันคนต้องถูกจองจำเป็นเวลาหลายปี กลายเป็นเหยื่อการถูกทรมานและความโหดเหี้ยม หลายคนถูกฆ่าด้วยเหตุผลทางศาสนา ความสำเร็จของโรจาวาจนถึงทุกวันนี้ล้วนแต่เป็นผลของจากการต่อสู้อันยาวนานและยากลำบาก รวมทั้งการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพวกเธอ

เหตุผลที่ผู้หญิงเหล่านี้ยอมเสียสละถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะว่าพวกเธอเห็นหนทางที่จะเปลี่ยนแปลง ที่จะรักเพื่อนมนุษย์ และเพื่อที่จะแสดงความสง่างามของพวกเธอ ผู้หญิงที่เคยใช้ชีวิตอย่างดิ้นรนในฐานะแม่ นักสู้ และเยาวชนหญิงแห่งโรจาวา กำลังทวงชีวิตและอนาคตของพวกเธอกลับคืนมา ขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดยังคงยึดมั่นในคำขวัญตั้งแต่วันที่ก่อตั้งโดยไม่เปลี่ยนแปลง “การต่อต้านคือชีวิต เป้าหมายของชีวิตคืออิสรภาพ” หากไร้ซึ่งอิสรภาพของเหล่าสตรีแล้วล่ะก็ ชีวิตที่เสรีก็ไม่มีจริง และจะยังคงมีเสียงร่ำไห้จากขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ดที่ดังกึกก้องไปทั่วโลก ว่า “ผู้หญิง! ชีวิต! อิสรภาพ!” (Jin! Jiyan! Azadi!)


รายชื่อบางส่วนของนักปฏิวัติหญิงที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ของขบวนการผู้หญิงชาวเคิร์ด

  • Zeynep Kınacı (Zilan) carried out a self sacrifice attack during a parade of the Turkish  army on 30.06.1996 in Dersim 
  • Sakine Cansız (Sara) was assassinated on 09.01.2013 in Paris by the Turkish intelligence  service MIT 
  • Binevş Agal (Bêrîvan) lost her life in a fight with the Turkish army on 16.01.1989 in Cizîre  Botan 
  • Zekiye Alkan set herself on fire on 31.03.1990 in Amed to protest against Turkish state  oppression 
  • Gülnaz Karataş (Bêrîtan) threw herself off a rock hillside in order to not to get captured  after intense fightings with Turkish army and collaborating KDP Peshmergas on 25.10.1992 in Xakurke / South Kurdistan 
  • Sanem Bertan (Canda, Turkish internationalist) lost her live in resistance against Turkish  invasion in the Zap region of South Kurdistan on 5.10.1997 
  • Sema Yüce (Serhildan) set herself on fire in a prison cell on 21.03.1998 at Çanakkale  Prison in Turkey 
  • Nermîn Akkuş (Hêlîn, Circassian internationalist) fell in resistance against joint operation  of KDP and Turkey in the region Garê of South Kurdistan on 13.10.1998 
  • Andrea Wolf (Ronahi, internationalist from Germany) captured and executed by the Turkish  soldiers during fightings in Catak / North Kurdistan on 23.10.1998 
  • Fatma Özen (Rojbîn, Arab internationalist) sacrificed her life in an attack against a Turkish military station on 20.11.1998 in Gever / North Kurdistan 
  • Uta Schneiderbanger (Nûdem, internationalist from Germany) and Ekin Ceren Doruak  (Amara, internationalist from Turkey) lost their lives in car accident on 30.05.2005 in  Qendil mountains 
  • Leyla Wali Hasan (Viyan Soran) set herself on fire on 01.02.2006 in Haftanin region / South Kurdistan to protest of total isolation of Abdullah Ocalan 
  • Şirin Elemhûlî (from East Kurdistan) was executed by the Iranian regime on 09.05.2010 in  Evin prison of Theran 
  • Dilar Gencxemîs (Arîn Mîrkan; from Rojava) sacrificed her life on 05.10.2014 in the  resistance of Kobane against ISIS attacks 
  • Seve Demir (Member of the DBP Council), Fatma Uyar (Member of KJA) and Pakize Nayır (Co-chair of People’s Council of Silopi) were executed by Turkish state forces 4.10.2016 in  Silopi / North Kurdistan 
  • Zalûx Hemo (Avesta Xabûr) sacrificed her life on 27.01. 2018 in resistance against Turkish  occupation of Efrîn / Rojava 
  • Anna Campbell (Hêlin, internationalist from Britain) lost her life on 15.03.2018 in Turkish  army’s air-strikes on Efrîn / Rojava
  • Alina Sanches (Lêgerîn, internationalist from Argentine) lost her life in an car accident on  17.03.2018 in Rojava while carrying out her revolutionary duties 
  • Sarah Handelmann (Dorşîn, internationalist from Germany), fell in Turkish air strike at  Qandil region on 07.04.2019 
  • Hevrin Xelef (Secretary-General of the Syrian Future Party) was executed on 12.10.2019 in  Rojava by the jihadist groups related to Turkish occupation forces