โดย อารีย์
English Language
RIMPAC ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมรบทางทะเลระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นโดยกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยมีประเทศผู้เข้าร่วม 29 ประเทศ รวมทั้งไทยและอิสราเอล RIMPAC อำพรางตัวเป็นความพยายามที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความมั่นคงทางทะเลและการทำงานร่วมกัน แต่ทว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเพื่อยืนยันการครอบงำของจักรวรรดินิยมตะวันตกเหนือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายใต้หน้ากากของความร่วมมือทางทหาร การซ้อมรบประจำปีนี้เป็นการนำกองทัพเรือจากทั่วโลกมารวมตัวกัน รวมถึงกองทัพเรือของประเทศจักรวรรดินิยมอย่างสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ซึ่งมีประวัติการแทรกแซงและการแสวงประโยชน์ทางทหารที่ได้รับการบันทึกไว้เป็นอย่างดี ประเทศไทยต้องปฏิเสธที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนการกระทำของอิสราเอลเช่นเดียวกับมหาอำนาจจักรวรรดินิยมอื่นๆ ประเทศไทยต้องถอนตัวออกจาก RIMPAC โดยทันที
ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนถึง 2 สิงหาคมของปีนี้ เรือผิวน้ำประมาณ 40 ลำ เรือดำน้ำ 3 ลำ กองกำลังภาคพื้นดิน 14 กองกำลัง เครื่องบินมากกว่า 150 ลำ และบุคลากรมากกว่า 25,000 คนจะเข้าร่วมใน RIMPAC ในและรอบ ๆ หมู่เกาะฮาวาย RIMPAC ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1971 โดยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา โดยถือกำเนิดมาจากช่วงสงครามเย็น แบบฝึกหัดนี้ครอบคลุมระยะทางทะเลระหว่างซานดิเอโกและหมู่เกาะฮาวาย เป็นการฝึกประจำปีจนถึงปี ค.ศ. 1974 และได้เปลี่ยนมาเป็นการฝึกทุกๆ สองปี วัตถุประสงค์ของ RIMPAC คือการควบคุมเส้นทาง “การค้าเสรี” ภายในมหาสมุทรแปซิฟิกและขอบมหาสมุทรแปซิฟิก และเพื่อแสดงอำนาจในภูมิภาคแปซิฟิกต่อประเทศจีน ประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้าร่วม RIMPAC มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997
RIMPAC เป็นเวทีสำหรับการแสดงอำนาจและอิทธิพลของจักรวรรดินิยมเหนือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสะท้อนถึงความทะเยอทะยานของประเทศที่มีอำนาจในทางจักรวรรดินิยม ในฐานะผู้จัดงานหลักและผู้เข้าร่วมการฝึกซ้อม สหรัฐฯ ได้ใช้ RIMPAC เป็นสื่อกลางในการยืนยันอำนาจทางทหารและผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการซ้อมรบทางเรือขนาดใหญ่และการฝึกซ้อมร่วม กองทัพเรือสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางทหารที่น่าเกรงขาม และแสดงอำนาจไปยังทั้งคู่แข่งและพันธมิตรที่มีศักยภาพ
เวทีจักรวรรดินิยมนี้รวมถึงการฝึกหัดนักรบตรีศูลทดลอง (Trident Warrior) ซึ่งมีการทดสอบเทคโนโลยีสงครามใหม่ๆ รวมถึงอาวุธที่ใช้ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา ระบบอาวุธ เช่น โดมเหล็ก ระบบโหลดบนพาเลท และระบบอาวุธความสามารถในการสกัดกั้นระยะปานกลาง (Medium-Range Intercept Capability–MRIC) ที่สร้างโดยบริษัท Raytheon ทั้งนี้ล้วนได้รับการทดสอบโดยกองทัพบกและนาวิกโยธินในฮาวายและกัวฮาน (หรือที่รู้จักในชื่อกวม) ภายใต้ RIMPAC และการฝึกซ้อมอื่นๆ อาวุธ MRIC ยิง SAM ของ Raytheon “SkyHunter” ซึ่งเป็นชื่ออเมริกันของขีปนาวุธ “Tamir Iron Dome” ของอิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา
การฝึกซ้อมรบเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการรวมพันธมิตรและหุ้นส่วนทางทหารที่นำโดยสหรัฐฯภสยในภูมิภาคนี้ รวมทั้งเสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางทหารที่สนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากบทบาทในการส่งเสริมจักรวรรดินิยมอเมริกันแล้ว RIMPAC ยังอำนวยความสะดวกต่อผลประโยชน์ของประเทศมหาอำนาจจักรวรรดินิยมอื่นๆ เช่นอิสราเอลญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ประเทศเหล่านี้ใช้การฝึกซ้อมเพื่อแสดงเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ของตนเองและขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้
อิสราเอลซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมสำคัญในงานนี้ใช้โอกาสนี้ในการแสดงอำนาจทางทหารและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับมหาอำนาจจักรวรรดินิยมอื่นๆ การเข้าร่วม RIMPAC ของไทยคือการเข้าร่วมกับระบอบไซออนิสม์ เป็นการสนับสนุนนโยบายการยึดครองและการแบ่งแยกสีผิวต่อชาวปาเลสไตน์ การต้อนรับอิสราเอลในฐานะผู้เข้าร่วมในการฝึกซ้อม RIMPAC นั้นเป็นการให้ความชอบธรรมต่อกองทัพอิสราเอลและการกระทำของพวกเขา เป็นการให้ความชอบธรรมกัยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการยึดครอง และการแบ่งแยกสีผิวต่อชาวปาเลสไตน์ RIMPAC ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับอิสราเอลในการแสดงความสามารถทางทหารอีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศที่มีวาระจักรวรรดินิยม ผ่านการเข้าร่วมการซ้อมรบและการซ้อมรบร่วมทางเรือ อิสราเอลได้เสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และส่งเสริมตำแหน่งของตนในฐานะมหาอำนาจทางทหารของภูมิภาค และเสริมสร้างการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของตนต่อไป
การรวมอิสราเอลของ RIMPAC ถือเป็นการกระทำที่สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุนลัทธิไซออนิสต์ ด้วยการอนุญาตให้อิสราเอลมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมรบข้ามชาติRIMPAC จึงนับได้ว่าเป็นการสนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยอิสราเอล การยึดครองปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมาย การรุกรานทางทหาร และการปิดล้อมฉนวนกาซา ความสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้ตอกย้ำการไม่ต้องรับโทษของอิสราเอล และบ่อนทำลายความพยายามในการรับผิดชอบต่อการกระทำของตน ผ่านการเข้าร่วมRIMPAC ประเทศต่างๆ รับรองและสนับสนุนวาระไซออนนิสต์ของอิสราเอล ซึ่งมีส่วนในการคงอยู่ของความอยุติธรรมและการกดขี่ในปาเลสไตน์และในที่อื่นๆ
ในช่วง RIMPAC ประเทศไทย อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ จะรวมตัวกันเพื่อแบ่งปันยุทธวิธีการทำสงครามและมีส่วนร่วมใน “เกม” สงคราม ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเรียนรู้จากยุทธวิธีที่อิสราเอลใช้ต่อต้านชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่ยังจะเตรียมอาวุธให้กับอิสราเอลด้วยยุทธวิธีใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำลังดำเนินอยู่ แม้ว่าประเทศไทยได้ก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องโดยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีในฉนวนกาซา แต่การหยุดยิงเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ไม่ได้เริ่มต้นหลังวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023 แต่เกิดขึ้นตั้งแต่การพิชิตกรุงเยรูซาเลมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1917 ซึ่งวางรากฐานสำหรับรัฐผู้ตั้งถิ่นฐานไซออนิสต์สมัยใหม่ การปลดแอกที่แท้จริงจำเป็นต้องมีการคว่ำบาตร การถอนการลงทุนต่ออิสราเอล รวมถึงการถอนตัวออกจาก RIMPAC
นอกจากนี้ RIMPAC ยังสานต่อการแสวงหาผลประโยชน์จากการล่าอาณานิคมของฮาวายผ่านการฝึกซ้อมทางทหารในน่านน้ำที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมของ Kanaka Maoli ชาวฮาวายพื้นเมือง RIMPAC ละเมิดอธิปไตยของฮาวายด้วยการดำเนินการซ้อมรบทางทหารขนาดใหญ่ในน่านน้ำและดินแดนเหล่านี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจาก Kanaka Maoli RIMPAC ไม่เพียงแต่ดูหมิ่น ʻāina (ความหมายʻŌlelo Hawaiʻi ที่แปลว่า”แหล่งที่ให้การเลี้ยงดู”) แต่ยังส่งเสริมการยึดครองฮาวายที่ผิดกฎหมายของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องอีกด้วย คาดว่าจะมีทหารมากกว่า 25,000 นายเข้าร่วมใน RIMPAC ความรุนแรงทางเพศและการค้ามนุษย์ที่เพิ่มขึ้นตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง Kanaka Maoli
เสียงใต้น้ำจากโซนาร์ของกองทัพเรือ การระเบิดเสียงโซนิกและตอร์ปิโดสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ภายใต้แผนห้าปีสำหรับการฝึกและการทดลอง กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รับอนุญาตให้ทำอันตรายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลเกือบ 9.6 ล้านครั้ง ในขณะทำการฝึกโซนาร์ความรุนแรงสูงและการระเบิดใต้น้ำ ศาลแขวงฮาวายพบว่า National Marine Fisheries Service ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปกป้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ได้ละเมิดข้อกำหนดหลายประการของกฎหมายคุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลและกฎหมายว่าด้วยสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เมื่อยินยอมแผนรบของกองทัพเรือ
RIMPAC อำนวยความสะดวกในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางทหารและความร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้าร่วม ซึ่งหลายประเทศเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ผ่านการฝึกซ้อมร่วมและการฝึกอบรมการทำงานร่วมกัน RIMPAC ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานทางทหารที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเพิ่มประสิทธิภาพของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เช่น กองบัญชาการอินโดแปซิฟิก (INDOPACOM) ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรเหล่านี้ สหรัฐฯ จึงสนับสนุนอิทธิพลเชิงกลยุทธ์และเสริมสร้างบทบาทของตนในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงที่โดดเด่นในภูมิภาค RIMPAC อนุญาตให้สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเชิงกลยุทธ์ไปยังผู้มีบทบาทในภูมิภาค ส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนระเบียบระหว่างประเทศที่อิงกฎเกณฑ์ และปกป้องผลประโยชน์ของตนในเอเชียแปซิฟิก ด้ผ่านการเข้าร่วมใน RIMPAC สหรัฐฯตอกย้ำบทบาทของตนในฐานะ “ผู้ให้ความมั่นคง” และ “กำลังรักษาเสถียรภาพ” ในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็เตือนผู้ที่อาจเป็นปรปักษ์ไม่ให้ท้าทายตำแหน่งที่มีอำนาจเหนือกว่าของตน
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นที่ตั้งสำคัญของเส้นทางเดินทะเลและทรัพยากรทางทะเล ดังนั้นการควบคุมน่านน้ำเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ การยึดครองเกาะฮาวายจำเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาในบริบทของยุทธศาสตร์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่จะ “มุ่งสู่เอเชีย” RIMPAC ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Pacific Pathways Pacific Pathways สร้างขึ้นครั้งแรกโดยนายพล Vincent K. Brooks ในปี ค.ศ. 2014 เป็นโครงการที่ดำเนินการโดย United States Army Pacific (USARPAC) และนำโดย I Corps โดยมีเป้าหมายในการขยายการแสดงตนของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคแปซิฟิก และลดต้นทุนในการดำเนินการดังกล่าวโดยเชื่อมโยงการซ้อมรบหลายรูปแบบเข้าด้วยกันโดยการสร้าง “เส้นทาง” หรือ Pathway นี่เป็นความต่อเนื่องของ “Pacific Pivot” ในช่วงต้นทศวรรษ ค.ศ. 2010 ซึ่งริเริ่มภายใต้ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศคลินตัน ซึ่งได้ขยายขีดความสามารถทางทหารของสหรัฐฯ ไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น เป็นการประสานอำนาจทางทหารของสหรัฐฯ เหนือดินแดนและน่านน้ำของโอเชียเนีย นอกจากนี้ RIMPAC ยังช่วยให้ สหรัฐอเมริกายืนยันการควบคุมเส้นทางเดินทะเลที่สำคัญ และสร้างอำนาจเหนือพื้นที่สำคัญ โดยจะรักษาการเข้าถึงทรัพยากร การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการใช้อิทธิพลเหนือกิจการระดับภูมิภาค
นิยามเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและความจำเป็นในช่วงสงครามถูกนำมาใช้เพื่อทำให้การมีอยู่และการครอบครองของสหรัฐฯในเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกเป็นเรื่องถูกธรรมชาติ ใน “การพัวพันข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (Transpacific Entanglements)” Yên Lê Espiritu, Lisa Lowe และ Lisa Yoneyama ระบุว่า “วาทกรรมของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ปลดแอกเอเชียถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายการขยายของทหารในฟิลิปปินส์ กวม ฮาวาย โอกินาวา เกาหลี และเวียดนาม และเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสงครามในปัจจุบันในอิรัก อัฟกานิสถาน ซีเรีย และที่อื่นๆ” ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดดินแดนฮาวายเพื่อเป็น “การซ้อม” การสังหารปราชาชนเวียดนาม ลาว (รู้จักกันในชื่ออาณานิคมลาว) และกัมพูชา ในประเทศลาวประเทศเดียว สหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดคลัสเตอร์มากกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งยังคงทำลายล้างชุมชนพื้นเมืองและสิ่งแวดล้อมต่อไป Agent Orange ยังได้รับการพัฒนาที่มหาวิทยาลัยฮาวาย และทดสอบบนดินแดนฮาวายก่อนที่จะถูกระดมกำลังทำสงครามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การทิ้งระเบิดบนดินแดนฮาวายและการใช้ฮาวายเป็นพื้นที่ทดสอบสำหรับสงครามจักรวรรดินิยมของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ เมื่อการกดขี่ของเรามีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกออกไม่ได้ การปลดแอกของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน
ประชาชนผู้มีจิตสำนึกทุกคนล้วนมีหน้าที่ในการต่อต้าน RIMPAC ขอให้เราจับมือกันกับสหายทั่วโลกเพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการต่อสู้กับจักรวรรดินิยม ลัทธิล่าอาณานิคม และการกดขี่ในทุกรูปแบบ
คุณจะมีส่วนร่วมในการจัดการต่อต้าน RIMPAC ได้อย่างไร?
คุณสามารถเข้าร่วมแคมเปญยกเลิก RIMPAC ได้โดยกรอกแบบฟอร์มนี้ และโดยการติดตาม International International Women’s Alliance (IMA), BAYAN USA, และ Resist US-Led War ในบัญชีโซเชียลมีเดียต่างๆ ของพวกเขาสำหรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับแคมเปญ คุณยังสามารถลงนามในคำร้องของ Thai for Palestine และ SeriiPalestine ที่เรียกร้องให้ประเทศไทยถอนตัวจาก RIMPAC
—
สหาย อารีย์ ขอขอบคุณ สหาย สิริ สำหรับการแก้ไขบทความนี้ฉบับภาษาไทย