ผู้เขียน Vijay Prashad
ผู้แปล Pathompong Kwangtong
บรรณาธิการ Sarutanon Prabute

24 ธันวาคม 2020
สวัสดีเพื่อนๆ ทั้งหลาย,

สวัสดีจากโต๊ะทำงานของ ไตรคอนติเนนทอล: สถาบันวิจัยสังคม (Tricontinental: Institute for Social Research)

ปีนี้ [2020] ของเรามืดหม่นเนื่องด้วยโรคระบาดระดับโลก (pandemic) เจ้าไวรัสแพร่กระจายทำให้สังคมทั่วทั้งโลกเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลบางแห่งมีมาตรการที่ชาญฉลาด มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ และมีมนุษยธรรมมากกว่าที่อื่นในการตอบสนองต่อการระบาดครั้งนี้ หลายที่ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) เป็นรัฐบาลที่บริหารงานด้วยคุณค่าแบบสังคมนิยม หนึ่งในนั้นคือรัฐเกรละของอินเดียซึ่งตั้งอยู่ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ประกอบไปด้วยประชากร 35 ล้านคน และปกครองโดยพรรคแนวหน้าประชาธิปไตยฝ่ายซ้าย (Left Democratic Front: LDF)  K. K. Shailaja รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐเกรละ ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ผู้พิฆาตไวรัสโคโรนา’ (‘Coronavirus Slayer’) เนื่องด้วยความเป็นผู้นำของเธอภายใต้รัฐบาลที่ถือเอาความต้องการของประชาชนมาก่อนผลกำไรและความเชื่อทางไสยศาสตร์

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เลยสักรายในรัฐเกรละ หากแต่รัฐบาลมีมาตรการอย่างเหมาะสม ฉับไว และรอบคอบในการให้ข้อมูลต่อสาธารณชน ในการใช้เครื่องมือของรัฐเพื่อทำการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในการติดตามไทม์ไลน์เพื่อกักตัวและรักษาผู้ติดเชื้อ และใช้มาตรการที่มีทั้งหมดเพื่อลดจำนวนและแนวโน้มผู้ติดเชื้อลงให้ได้มากที่สุด (flatten the curve) มากไปกว่านั้น จากผลของประวัติศาสตร์การต่อสู้ในพื้นที่สาธารณะของรัฐผ่านการจัดตั้งอันยาวนาน – ที่มักนำโดยคอมมิวนิสต์และนักปฏิรูปสังคมทั้งหลาย – จึงมีสหภาพแรงงาน สหกรณ์ องค์กรของนักศึกษา เยาวชน สตรี และอื่นๆ ที่ช่วยกันทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ข้อมูลต่อสาธารณะ และช่วยบรรเทาผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น อีกด้วย

 

ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในรัฐเกรละเกิดขึ้น พรรคคอมมิวนิสต์ชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งนี้ กวาดที่นั่งมากกว่าฝั่งตรงข้ามทั้งหมดรวมกัน ฝ่ายขวาอย่างพรรคภารตียชนตา (Bharatiya Janata Party: BJP) ซึ่งเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ณ กรุงเดลีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi และฝ่ายขวากลางอย่างพรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดีย (Indian National Congress) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในเกรละ ใช้วิธีป่าเถื่อนต่อต้านฝ่ายซ้าย อาทิการโจมตีตัวบุคคลโดยตรงไปที่ Pinarayi Vijayan ผู้เป็นมุกขยนายกของรัฐเกรละ โดยสื่อ (ที่ถูกควบคุมแทบเบ็ดเสร็จโดยบริษัทเอกชน) ซึ่งเป็นหัวหอกในการโจมตีฝ่ายซ้าย และเมินเฉยนวัตกรรมต่างๆ ที่ถูกสรรสร้างโดยฝ่ายซ้ายในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้

ตัวอย่างเช่น สื่อของพวกบริษัทเอกชนต่างๆ เมินเฉยการสร้างโรงเรียนศูนย์ความเป็นเลิศของรัฐแห่งใหม่กว่า 34 แห่ง ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาการไหลกลับเข้ามาของนักเรียนจากโรงเรียนเอกชนแสนแพงสู่โรงเรียนของรัฐที่ผ่านการปรับปรุงต่างๆ แล้ว เมื่อพวกเขารายงานความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น แมนชั่นอันเป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นแรงงานและผู้ยากไร้กว่า 250,000 คน ในโครงการ ‘แมนชั่นแห่งชีวิต’ สื่อพวกนี้กลับมุ่งเป้าโจมตีไปที่ข้อกล่าวหาว่าเงินบริจาคที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตให้มานั้นผิดระเบียบว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ การโจมตีเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าสถานการณ์ของการเลือกตั้งท้องถิ่นโหดร้ายขนาดไหน

PP Divya นำการประท้วงเคียงบ่าเคียงไหล่ชาวนาอินเดีย

ฝ่ายซ้ายของเกรละเข้าสู่การเลือกตั้งภายใต้ความเปรียบสำคัญๆ หลายอย่าง
ประการแรก ในช่วงเวลาหลายศตวรรษของการต่อสู้และปกครอง ขบวนการคอมมิวนิสต์ได้ผลักดันวาระต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ทั้งการพัฒนาด้านสุขภาพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย และได้ฟูมฟักวัฒนธรรมการแสดงออกบนพื้นที่สาธารณะ (public action)
ประการที่สอง ฝ่ายซ้ายนี่แหละที่เริ่มโปรเจคแผนการประชาชนมาตั้งแต่ยี่สิบห้าปีก่อน กระบวนการนี้ทำให้องค์กรปกครองตัวเองส่วนท้องถิ่นมีชีวิตชีวา ให้องค์กรนี้กลายเป็นเวทีสำคัญในการแสดงออกบนพื้นที่สาธารณะและการพัฒนาของฝ่ายซ้ายทางเลือกต่างๆ
ประการที่สาม รัฐบาลแนวหน้าประชาธิปไตยฝ่ายซ้ายปัจจุบัน มีผลงานที่น่านำมาเป็นตัวอย่างตั้งแต่ก่อนโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ เช่น วิกฤตอุทกภัย และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Nipah ซึ่งสองเรื่องที่ว่าเกิดในรัฐเกรละเมื่อปี 2018
ประการที่สี่ องค์กรมวลชนของฝ่ายซ้ายในรัฐตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และมักหาหนทางบรรเทาสิ่งเหล่านั้นได้ ทั้งในการต่อสู้กู้คืนศักดิ์ศรีทางสังคม และการต่อสู้ขยับขยายสิทธิต่างๆ ของประชาชน สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดภายใต้สถานการณ์การโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ เมื่อองค์กรของนักศึกษา เยาวชน ผู้หญิง แรงงาน และชาวนา นำอาหารและยาไปให้ถึงมือประชาชน สร้างโรงซักรีดสาธารณะ และช่วยรัฐบาลท้องถิ่นในการตรวจหา ติดตาม และช่วยด้านการกักตัว การทำงานของมวลชนเหล่านี้นับเป็นเซรุ่มต้านพิษของสื่อจากบรรษัทใหญ่ได้ดีที่สุด

ภายใต้การทำงานของมวลชนที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้แหละ ที่ฝ่ายซ้ายเลือกตัวแทนของตนเข้าไปในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พวกเขาส่วนมากอายุน้อยนิด มิหนำซ้ำยังประกอบไปด้วยผู้นำหญิงรุ่นเยาว์จำนวนมากที่มาจากทั่วทั้งรัฐ ตัวแทนที่ได้รับเลือกเข้าไป 5 คนด้านล่างนี้คือตัวอย่างเล็กๆ อันน่าประทับใจ

Reshma Mariam Roy เขียนบันทึกประจำวันของเธอ

Reshma Mariam Roy ได้ตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับหมู่บ้าน (Panchayat) จากการชนะ Aruvappulam grama ซึ่งเป็นตัวแทนในสภามามากว่า 15 ปี Reshma เพิ่งอายุได้ 21 ปีในวันก่อนการรับรองผลการเลือกตั้ง เธอจึงเป็นผู้สมัครอายุน้อยที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เธอเป็นสมาชิกของสหพันธ์นักศึกษาแห่งอินเดีย (Students’ Federation of India: SFI) และสหพันธ์ยุวธิปัตย์ของอินเดีย (Democratic Youth Federation of India: DYFI) ซึ่งทั้งสองเป็นองค์กรมวลชนของพรรคคอมมิวนิสต์อินเดีย (มาร์กซิสต์) และเธอยังเป็นผู้นำสหภาพของวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ด้วย ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ Reshma ทำงานในโครงการ ‘มือแห่งความช่วยเหลือ’ (‘helping hand’) ซึ่งริเริ่มโดย KU Jineesh Kumar ซึ่งเป็นผู้นำยุวชนฝ่ายซ้ายอีกคนหนึ่ง และเป็นตัวแทนระดับท้องถิ่นที่ได้เข้าไปมีส่วนในสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ พวกเขาช่วยผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงล็อคดาวน์ผ่านโครงการนี้ Reshma จดบันทึกประจำวันของตัวเองในระหว่างการหาเสียง เธอบันทึกความคับข้องใจและความต้องการของประชาชนลงไป เธอดีใจมากที่ฝ่ายซ้ายให้โอกาสเยาวชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ‘ถ้าหากประชาชนมีความเห็นในแง่บวกต่อฉันในอีก 5 ปีให้หลัง นั่นจึงจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง’ เธอกล่าว

Arya Rajendran เดินขบวนหาเสียง

Arya Rajendran หญิงสาวอายุ 21 ปี เธอเป็นประธานของ Balasangham องค์กรของเด็กกว่าล้านคนที่ทำงานโปรโมทคุณค่าทางวิทยาศาสตร์และฆราวาสนิยม (secular values) ในเด็ก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 1938 ณ Kalliasseri, Kannur รัฐเกรละ ประธานคนแรกขององค์กรนี้คือยุวชนคอมมิวนิสต์ (และภายหลังเป็นมุขนายกของเกรละกว่า 11 ปี) ที่ชื่อว่า E.K. Nayanar  นอกเหนือจากการเป็นสมาชิก SFI แล้ว Arya ยังต้องเตรียมตัวสอบปลายภาคไปพร้อมๆ กับรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งในสภาเมือง Thiruvananthapuram ‘องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือเส้นประสาทของกระบวนการประชาธิปไตยเกรละ เราจึงจำเป็นต้องมีเยาวชนที่ทุ่มเทให้กับอุดมการณ์ประชาธิปไตยได้รับการเลือกตั้งเข้าไปอยู่ในตำแหน่ง และโดยตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับนี้ เราก็จะมั่นใจได้ว่า เราจะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์จากฝ่ายซ้ายทางเลือกที่กำลังก่อตัวขึ้นในรัฐนี้ได้’

PP Divya หาเสียงในเขต Kannur

PP Divya อายุ 36 ปี มีประสบการณ์โชกโชนผ่านการเคลื่อนไหวแบบคอมมิวนิสต์ เธอเป็นผู้นำของ DYFI สมาคมประชาธิปไตยสตรีแห่งอินเดียทั้งปวง (All-India Democratic Women’s Association: AIDWA) และเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการประจำเขตของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอินเดีย (มาร์กซิสต์) เธอเป็นสมาชิกของ Panchayat ตั้งแต่ปี 2015 ปัจจุบันเธอได้รับการเลือกตั้งอีกสมัยและคาดว่าจะได้เป็นประธานสภาเขตในอนาคต เธอไม่ได้เป็นแค่ผู้นำหลักในการต่อสู้กับ COVID-19 ในเขตเท่านั้น แต่เธอยังอยู่แนวหน้าของการทำงาน เป็นผู้นำการพัฒนาคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน ณ ที่แห่งนั้น และนำการประท้วงเคียงบ่าเคียงไหล่ (solidarity) กับการปฏิวัติชาวนาที่เกิดขึ้นในอินเดีย

Afsal หาเสียงใน Malappuram

E. Afsal เป็นผู้นำของ SFI เหมือนดังเช่น Reshma กับ Arya เขาชนะเลือกตั้งในเขต Mangalam เข้าไปเป็นตัวแทนในสภาเขต Malappuram เมื่ออายุ 25ปี Afsal, Reshma และ Arya เดินตามรอยของ KV Sudheesh ผู้นำขบวนการนักศึกษาและตัวแทนของประชาชนในสภาเขต Kannur  ในวันที่ 26 มกราคม 1994 Sudheesh ถูกแทงจนเสียชีวิตจากสมาชิกกลุ่มฟาสซิสต์ RSS ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพรรค BJP

P. Prameela ซึ่งชนะอย่างถล่มทลายใน Pilicode กลับไปทำงานในวันถัดไป

สหาย Prameela ผู้เป็นแรงงานค่าจ้างในภาคการเกษตร เป็นหนึ่งในผู้หญิงกว่าร้อยละ 58 ที่ชนะการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครั้งนี้  Prameela เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อินเดีย (มาร์กซิสต์) เป็นหนึ่งในผู้กำกับบอร์ดบริหารของสหกรณ์บริการ Kodakkad และเป็นผู้นำของ AIDWA อีกด้วย เธอได้รับคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 90 จากการเลือกตั้งในสภาหมู่บ้าน Pilicode

ในปี 1976 กวีคอมมิวนิสต์ Kadammanitta Ramakrishnan ประพันธ์ Kannurkkotta หรือ ‘ป้อมปราการ Kannur’ ขึ้น บทกวีนี้ฉายภาพความหวังของเขาว่าโลกเก่าจะหดหาย และเยาวชนสามารถสรรค์สร้างโลกใบใหม่ขึ้นแทนที่ได้ Ramakrishnan เคยเป็นประธานของ Purogamana Kala Sahitya Sangham (สมาคมนักเขียนหัวก้าวหน้า) และสมาชิกสมัชาแห่งรัฐ (ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายซ้าย)

ป้อมปราการทั้งปวงจะกลายเป็นโบราณสถาน
ปืนใหญ่ทั้งปวงจะขึ้นสนิมอย่างเงียบงัน
สุลต่านทั้งปวงจะถอยร่นเข้าถ้ำอันมืดมิด
ลูกหลานของผมที่ไม่อดนอน,
จักเป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์เหล่านี้ ด้วยความใคร่รู้

พวกเขาจักเป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความใคร่รู้ เพราะพวกเขาไม่ยึดติดกับอดีต  ด้วยคนอย่าง Reshma, Arya, Divya, Prameela และ Afsal พวกเขาจะขับไล่เหล่าปืนใหญ่และสุลต่านเพื่อสร้างโลกประชาธิปไตย และพวกเราจะเดินอยู่เคียงข้างพวกเขา

ด้วยความอบอุ่นใจ,
Vijay.


บทความนี้แปลโดยได้รับอนุญาตจาก Vijay Prashad, ‘All the Cannons Will Silently Rust: The Fifty-Second Newsletter (2020)’, Tricontinental

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 4.0 นานาชาติ